วันที่ 31 มกราคม 2563 นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการดำเนินโครงการ Safe Zone School (CCTV) เพื่อป้องกันและสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้โรงเรียน ครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2557 ได้มีการร้องเรียนและมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 56 ราย นั้น
ทาง สพฐ. ได้หารือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด กรมบัญชีกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางปฏิบัติและการพิจารณา โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2562 สพฐ. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาทั้งระดับส่วนกลางและระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดย สพฐ. ไม่มีแผนงานงบประมาณในการจัดซื้อกล้อง CCTV เพิ่มเติม จึงจะดำเนินการในส่วนของการปรับปรุงซ่อมแซมระบบ CCTV ให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีคำพิพากษาถึงชั้นที่สุด ซึ่งในการจัดซื้อซอฟต์แวร์สิทธิ์การใช้งานให้เป็นอำนาจของ สพฐ. โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด และต้องสอดคล้องกับหลักการใน 4 ข้อ คือ 1) คุ้มค่า 2) โปร่งใส 3) มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และ 4) ตรวจสอบได้ แม้จะซื้อซอฟต์แวร์สิทธิ์การใช้งานเพิ่มเติมอีก 10 License โดยไม่มีกล้องมารองรับ เนื่องจากเดิม สพฐ. จัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อกล้องในแต่ละแห่งเพียงแค่ 6 กล้อง จึงไม่เกิดประโยชน์กับทางราชการและไม่มีความคุ้มค่า ประกอบกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้ยืนยันว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อโปรแกรมสิทธิ์การใช้งานเพิ่มเติม ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับทางราชการ ไม่มีความคุ้มค่า อีกทั้งยังไม่มีประสิทธิภาพต่อการใช้งานของระบบกล้อง CCTV ในโครงการฯ ที่เพิ่มขึ้น จึงเสนอเรื่องดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาพิจารณา
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ) ได้พิจารณาสั่งการ ให้ยกเลิกและระงับนโยบายที่ให้ใช้งบประมาณ 64 ล้านบาทเศษ จัดซื้อระบบเพิ่มเติม และให้ดำเนินการสอบสวนวินัยร้ายแรงข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 56 รายนั้น ให้ดำเนินการต่อไปให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว และให้เป็นไปด้วยความยุติธรรม โปร่งใสตรวจสอบได้ จนกว่าจะมีการพิจารณาของ ป.ป.ช. และคำพิพากษาของศาลถึงชั้นที่สุด ในการนี้ เลขาธิการ กพฐ. ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อเตรียมความพร้อม รวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อสนับสนุนข้อมูลในการพิจารณาของ ป.ป.ช. และศาลสูงสุด ต่อไป
ศูนย์สารนิเทศการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ศนท.สพฐ.)
วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563
วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563
รองเลขาธิการ กพฐ. เปิดประชุมปฏิบัติการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษา
วันที่ 30 มกราคม 2563 นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานเปิดประชุมปฏิบัติการเพื่อหาแนวทางการขับเคลื่อนคุณภาพทางการศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษา ของสมาคมผู้บริหารสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประเทศไทย โดยมี นายอดิศักดิ์ มุ่งชู ผู้อํานวยการสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 นายกสมาคมผู้บริหารสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประเทศไทย นายธรรมรงค์ เสนจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนหอวัง ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาทั่วประเทศ ผู้อำนวยการโรงเรียนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ โรงเรียนหอวัง กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจาก กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศกําหนดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2553 สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ทุกเขต ทั้ง 42 แห่ง ได้บริหารจัดการศึกษาภายใต้กรอบนโยบายและปฏิบัติภารกิจครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วทั้งประเทศ ในกํากับของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ถึงปัจจุบันนับเป็นเวลาร่วม 10 ปีมาแล้ว เพื่อให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (Disruption) ของสภาวการณ์โลก ศธ. และสพฐ. จึงได้กําหนดทิศทางในการจัดการศึกษาที่เป็นภารกิจสําคัญในการพัฒนาประชากรของชาติให้เป็นคนไทยในอนาคตที่รักการเรียนรู้ และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และหลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของสังคม อีกทั้งยึดตามเป้าหมายโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยนํายุทธศาสตร์ชาติมาเป็นกรอบความคิดสําคัญในการจัดทําแผนการศึกษาแห่งชาติและการปฏิรูปการศึกษา
ดังนั้น สพฐ. จึงมีนโยบายเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงการจัดการศึกษาของประเทศ ที่มุ่งพัฒนาประชากรในวัยเรียนทุกคน ทุกกลุ่มเป้าหมายให้มีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา รับผิดชอบต่อสังคม มีศีลธรรม และเป็นพลเมืองดีของชาติ และพลเมืองโลกที่ดี มีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะที่จําเป็นในศตวรรษที่ 21 มีทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษ มีนิสัยรักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทย และพลโลกที่มีทักษะการคิดขั้นสูง เป็นนวัตกร นักคิด สามารถประกอบสัมมาชีพตามความถนัด และบริบทของตนเองได้
โดยในส่วนของ สมาคมผู้บริหารสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประเทศไทย (ส.พ.ม.ท.) ในฐานะองค์กรที่มีส่วนร่วมในการทําหน้าที่ขับเคลื่อนคุณภาพการมัธยมศึกษา มีความตระหนักอย่างยิ่งในแนวนโยบายของ ศธ. และ สพฐ. และมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาคุณภาพการศึกษามัธยมศึกษาไทยที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในยุค Disruption จึงได้จัดการประชุมฯ นี้ขึ้น เพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดทําแนวทางการบริหารจัดการมัธยมศึกษาระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับเครือข่าย ให้มีความรู้ความเข้าใจและเกิดความตระหนักร่วมกัน ปรับเปลี่ยนวิธีการและวิธีคิด รวมถึงสามารถนําแนวทางการบริหารจัดการมัธยมศึกษาไปใช้เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่มาตรฐานสากลต่อไป
สืบเนื่องจาก กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศกําหนดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2553 สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ทุกเขต ทั้ง 42 แห่ง ได้บริหารจัดการศึกษาภายใต้กรอบนโยบายและปฏิบัติภารกิจครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วทั้งประเทศ ในกํากับของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ถึงปัจจุบันนับเป็นเวลาร่วม 10 ปีมาแล้ว เพื่อให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (Disruption) ของสภาวการณ์โลก ศธ. และสพฐ. จึงได้กําหนดทิศทางในการจัดการศึกษาที่เป็นภารกิจสําคัญในการพัฒนาประชากรของชาติให้เป็นคนไทยในอนาคตที่รักการเรียนรู้ และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และหลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของสังคม อีกทั้งยึดตามเป้าหมายโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยนํายุทธศาสตร์ชาติมาเป็นกรอบความคิดสําคัญในการจัดทําแผนการศึกษาแห่งชาติและการปฏิรูปการศึกษา
ดังนั้น สพฐ. จึงมีนโยบายเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงการจัดการศึกษาของประเทศ ที่มุ่งพัฒนาประชากรในวัยเรียนทุกคน ทุกกลุ่มเป้าหมายให้มีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา รับผิดชอบต่อสังคม มีศีลธรรม และเป็นพลเมืองดีของชาติ และพลเมืองโลกที่ดี มีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะที่จําเป็นในศตวรรษที่ 21 มีทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษ มีนิสัยรักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทย และพลโลกที่มีทักษะการคิดขั้นสูง เป็นนวัตกร นักคิด สามารถประกอบสัมมาชีพตามความถนัด และบริบทของตนเองได้
โดยในส่วนของ สมาคมผู้บริหารสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประเทศไทย (ส.พ.ม.ท.) ในฐานะองค์กรที่มีส่วนร่วมในการทําหน้าที่ขับเคลื่อนคุณภาพการมัธยมศึกษา มีความตระหนักอย่างยิ่งในแนวนโยบายของ ศธ. และ สพฐ. และมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาคุณภาพการศึกษามัธยมศึกษาไทยที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในยุค Disruption จึงได้จัดการประชุมฯ นี้ขึ้น เพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดทําแนวทางการบริหารจัดการมัธยมศึกษาระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับเครือข่าย ให้มีความรู้ความเข้าใจและเกิดความตระหนักร่วมกัน ปรับเปลี่ยนวิธีการและวิธีคิด รวมถึงสามารถนําแนวทางการบริหารจัดการมัธยมศึกษาไปใช้เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่มาตรฐานสากลต่อไป
เลขาธิการ กพฐ. เปิดงาน “เยือนเหย้าขัวศิลป์ ยลยินดุริยนาฏกรรม” ณ โรงเรียนเชียงคำวิทยาคม จังหวัดพะเยา
วันที่ 30 มกราคม 2563 นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “เยือนเหย้าขัวศิลป์ ยลยินดุริยนาฏกรรม” ณ โรงเรียนเชียงคำวิทยาคม จังหวัดพะเยา โดยงานดังกล่าวเป็นการนำเสนอผลงานของนักเรียนในโครงการห้องเรียนดนตรี ร่วมกับการแสดงศักยภาพของนักเรียนผู้มีความสามารถพิเศษด้านศิลปะและนาฏศิลป์
โครงการห้องเรียนดนตรี เป็นโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการ โดย พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น ได้มอบนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเริ่มดำเนินการในปีการศึกษา 2560 โดยคัดเลือกโรงเรียนที่มีความพร้อมจากทุกภูมิภาคของประเทศเข้าร่วมโครงการ ปัจจุบันมีโรงเรียนในโครงการทั้งสิ้น 20 โรงเรียน มีการจัดทำหลักสูตรเฉพาะ เพื่อเพิ่มเติมความรู้และทักษะพื้นฐานทางดนตรีเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนได้เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา โดยมีโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนหลักสูตรห้องเรียนดนตรีไทย 9 โรงเรียน และหลักสูตรห้องเรียนดนตรีสากล 11 โรงเรียน ซึ่งนักเรียนจะได้รับการพัฒนาทักษะทางดนตรี และพัฒนาต่อยอดจนเป็นสมรรถนะที่จะนำไปสู่การประกอบอาชีพในอนาคต จากการดำเนินการที่ผ่านมาโรงเรียนในโครงการสามารถพัฒนาทักษะนักเรียนจนสามารถได้รับรางวัลระดับชาติและนานาชาติ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และหลายโรงเรียนได้รับการติดต่อจากมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะทำความตกลงในการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ และให้ทุนการศึกษาจนจบหลักสูตร
นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ให้หลักการพัฒนาผู้เรียนว่า ถึงเวลาแล้วที่โรงเรียนจะค้นหาศักยภาพของเด็กและพัฒนาให้เกิดสมรรถนะด้านอาชีพและการดำรงชีวิต ซึ่งขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนหลักสูตรตามแนวหลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency – Based Curriculum) ดังนั้น เด็กผู้มีความสามารถพิเศษด้านต่าง ๆ เช่น ดนตรี กีฬา จะได้รับการเติมเต็มศักยภาพและสมรรถนะเพื่อก้าวสู่สังคมโลกยุคใหม่นี้
ภาพ /ข่าว : โรงเรียนเชียงคำวิทยาคม พะเยา
โครงการห้องเรียนดนตรี เป็นโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการ โดย พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น ได้มอบนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเริ่มดำเนินการในปีการศึกษา 2560 โดยคัดเลือกโรงเรียนที่มีความพร้อมจากทุกภูมิภาคของประเทศเข้าร่วมโครงการ ปัจจุบันมีโรงเรียนในโครงการทั้งสิ้น 20 โรงเรียน มีการจัดทำหลักสูตรเฉพาะ เพื่อเพิ่มเติมความรู้และทักษะพื้นฐานทางดนตรีเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนได้เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา โดยมีโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนหลักสูตรห้องเรียนดนตรีไทย 9 โรงเรียน และหลักสูตรห้องเรียนดนตรีสากล 11 โรงเรียน ซึ่งนักเรียนจะได้รับการพัฒนาทักษะทางดนตรี และพัฒนาต่อยอดจนเป็นสมรรถนะที่จะนำไปสู่การประกอบอาชีพในอนาคต จากการดำเนินการที่ผ่านมาโรงเรียนในโครงการสามารถพัฒนาทักษะนักเรียนจนสามารถได้รับรางวัลระดับชาติและนานาชาติ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และหลายโรงเรียนได้รับการติดต่อจากมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะทำความตกลงในการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ และให้ทุนการศึกษาจนจบหลักสูตร
นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ให้หลักการพัฒนาผู้เรียนว่า ถึงเวลาแล้วที่โรงเรียนจะค้นหาศักยภาพของเด็กและพัฒนาให้เกิดสมรรถนะด้านอาชีพและการดำรงชีวิต ซึ่งขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนหลักสูตรตามแนวหลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency – Based Curriculum) ดังนั้น เด็กผู้มีความสามารถพิเศษด้านต่าง ๆ เช่น ดนตรี กีฬา จะได้รับการเติมเต็มศักยภาพและสมรรถนะเพื่อก้าวสู่สังคมโลกยุคใหม่นี้
ภาพ /ข่าว : โรงเรียนเชียงคำวิทยาคม พะเยา
วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2563
สพฐ. ห่วงใย PM 2.5 แจ้งแนวทางและมาตรการแก้ไข สพท. สศศ. ในพื้นที่ทั่วประเทศ
ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่กรมควบคุมมลพิษ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจ้งข่าวสาร สถานการณ์หมอกควัน PM
2.5 ในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ว่ามีค่าสูงขึ้นหลายพื้นที่
ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(สพฐ.) มีความห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงส่งเอกสารแจ้งเตือนสถานการณ์หมอกควัน
PM 2.5 และปฏิบัติตามแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
PM 2.5 ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ให้สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
และสํานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ แจ้งสถานศึกษาในสังกัดทราบ รวมถึงกําชับให้ถือปฏิบัติ
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
PM 2.5
ในกรุงเทพมหานคร/ ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ตามเอกสารที่ส่งแนบไปด้วย
ทั้งนี้ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ PM 2.5 และติดตามการรายงานสถานการณ์และคุณภาพอากาศประเทศไทย
ได้ที่เว็บไซต์ http://air4thai.pcd.go.th/webV2/ และเว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม http://www.pcd.go.th เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563
วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2563
สพฐ. อบรมศึกษานิเทศก์ 826 คน ก่อนแต่งตั้งให้ประจำ สพท.
สำหรับการอบรมในระยะที่ 1 การเสริมสร้างสมรรถนะของศึกษานิเทศก์ จํานวน 8 วัน นั้น ผู้อบรมจะได้เรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ คุณลักษณะของศึกษานิเทศก์ พื้นฐานการนิเทศ ทักษะ เทคนิคและกระบวนการนิเทศการศึกษา การนิเทศการศึกษาโดยใช้วิจัยเป็นฐาน การติดตาม ประเมิน และรายงานผลการจัดการศึกษา เพื่อพัฒนาตนเองก่อนแต่งตั้งเป็นศึกษานิเทศก์ประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต่อไป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
สพฐ. จับมือ 62 ผอ.สพม. สร้างความเข้มแข็งพี่เลี้ยง ยกระดับมาตรฐานการศึกษา เตรียมพร้อมผู้เรียนสู่การประเมินนานาชาติ
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานในการปร...
-
นายธีร์ ภวังคนันท์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบเครือข่ายและการมีส่วนร่วม ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน เปิดเผยว่า สำ...
-
. วันที่ 15 มกราคม 2567 นางสาวสุชาดา สภาพงศ์ รองผู้อำนวยการ สำนักอำนวยการ เดินทางเข้ารับตำแหน่งผู้อำ...