วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2564

การถ่ายทอดสดพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี พ.ศ. 2564

                    ขอเรียนเชิญรับชมการถ่ายทอดสดพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี พ.ศ. 2564 ให้แก่หน่วยงานของรัฐที่มีผลงานการพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภายในองค์กรและเปิดระบบราชการให้ภาคส่วนอื่นเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างโดดเด่น ในวันพฤหัสบดีที่16 กันยายน 2564 เวลา 13.00 น.

สามารถรับชมพร้อมกันที่ 

Youtube : สำนักงาน ก.พ.ร.

Facebook : กพร OPDC 



วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2564

สพฐ. แจงแนวทางการจ่ายเงินเยียวยานักเรียน-ผู้ปกครอง 2,000 บาท .

วันที่ 18 สิงหาคม 2564 นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ มีมาตรการลดภาระทางการศึกษาให้แก่นักเรียนและผู้ปกครอง ด้วยการจ่ายเงินเยียวยานักเรียนคนละ 2,000 บาทนั้น ตนขอชี้แจงทำความเข้าใจเพิ่มเติมว่า การจ่ายเงิน 2,000 บาท จะจ่ายตามจำนวนนักเรียน เช่น หากผู้ปกครองมีบุตรหลานเรียนอยู่ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน (อนุบาล-ม.6) จำนวน 1 คน ก็จะได้รับเงินเยียวยา 2,000 บาท แต่หากมีบุตรหลานเรียนอยู่ จำนวน 3 คน ก็จะได้รับเงินรวม 6,000 บาท โดยคนที่จะรับเงินเยียวยาคือผู้ปกครอง หากนักเรียนอยู่กับพ่อแม่ ผู้ปกครองก็คือพ่อแม่ แต่หากนักเรียนอยู่กับญาติ ผู้ปกครองก็คือญาติที่นักเรียนอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งครูประจำชั้นต้องรู้ข้อมูลในส่วนนี้ แต่หากเด็กอยู่กับมูลนิธิหรืออยู่บ้านพักเด็ก ทางโรงเรียนก็สามารถจ่ายเงินเยียวยาให้กับนักเรียนโดยตรงได้ โดยระบุว่าเด็กคนนี้อยู่บ้านพักเด็กที่ไหนหรืออยู่กับมูลนิธิอะไร เพื่อเป็นการยืนยันว่าเด็กอยู่กับใครและเงินถึงมือเด็กหรือไม่
.
สำหรับนักเรียนที่จะได้รับเงินเยียวยา ต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนนักเรียนของโรงเรียนที่ได้ลงข้อมูลไว้ ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2564 เมื่อมีรายชื่อเป็นนักเรียนอยู่ที่ไหน สพฐ. ก็จะจัดสรรเงินไปตามรายชื่อของนักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนนั้น โดยโรงเรียนจะจ่ายเงินให้เฉพาะนักเรียนที่มีตัวตนจริง ส่วนนักเรียนที่ไม่มีชื่อในทะเบียนในวันที่ 25 มิ.ย. แต่มาเรียนเพิ่มเติมในโรงเรียนนั้น นักเรียนจะยังมีชื่ออยู่ที่โรงเรียนเดิม ทางโรงเรียนใหม่ก็ต้องเพิ่มชื่อนักเรียนเข้าไป แล้วรายงานไปยังสำนักงานเขตฯ ในส่วนนี้ทางโรงเรียนยังไม่สามารถจ่ายเงินได้ จนกว่าสำนักงานเขตฯ จะเคลียร์ข้อมูลให้เรียบร้อยจึงจะอนุมัติการจ่ายเงินได้ โดยสรุปคือ ทุกโรงเรียนต้องสำรวจรายชื่อนักเรียนของตนเอง ว่ายังมีชื่ออยู่ในโรงเรียนครบถ้วนหรือไม่ และยังมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ หากมีครบไม่ได้ย้ายออกไปไหนถือว่าจบไม่มีปัญหา แต่หากมีย้ายออกไปก็ให้โรงเรียนกรอกข้อมูลเข้ามาว่าเด็กย้ายไปอยู่ที่ไหน หรือหากมีเด็กย้ายเข้ามาก็ให้กรอกข้อมูลว่ารับย้ายมาจากที่ไหนด้วย
.
นายอัมพร กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงระหว่างการเตรียมการ เมื่อเงินลงมาถึงโรงเรียนแล้วเราอยากให้เงินถึงผู้ปกครองภายใน 3 วัน โดยให้โรงเรียนถือปฏิบัติตามแนวทางในหนังสือฉบับใหม่ที่ได้ส่งไปเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 ซึ่งได้แจ้งว่าในส่วนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้องเปิดบัญชีใหม่เพื่อรองรับ ส่วนโรงเรียนจะมีการซักซ้อมวิธีปฏิบัติเพื่อให้เข้าใจตรงกันอีกครั้งหนึ่ง แต่สิ่งที่เราห่วงมากที่สุดก็คือฐานข้อมูลของนักเรียน และการเตรียมการวิธีจ่ายเงินให้กับผู้ปกครองนักเรียน โดยจะมีแนวปฏิบัติแจ้งออกไปให้ทราบอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ พร้อมกับเน้นย้ำว่าเมื่อ สพฐ. ได้รับเงินจัดสรรเมื่อใดก็จะโอนเงินไปยังบัญชีของสำนักงานเขตฯ ภายในวันเดียวกันนั้น และให้เขตฯโอนต่อไปยังโรงเรียนภายใน 3 วัน เมื่อถึงบัญชีโรงเรียนแล้ว ขอให้โรงเรียนโอนเงินหรือจ่ายเงินถึงมือผู้ปกครองภายใน 3 วันเช่นเดียวกัน โดยรวมแล้วทั้งกระบวนการขอให้จบภายใน 7 วัน
.
ในส่วนของการจ่ายเงินนั้น เราได้กำหนดแนวทางไว้ 2 ประเด็น คือ หากผู้ปกครองมีบัญชีธนาคารก็สามารถโอนเงินเข้าบัญชีผู้ปกครองได้โดยตรง แต่หากใช้วิธีโอนเงินไม่ได้ จะให้โรงเรียนบริหารจัดการผ่านครูประจำชั้น ในการออกแบบการจ่ายเงินสดให้ผู้ปกครอง เช่น นัดหมายผู้ปกครองเข้ามารับเงินสดที่โรงเรียน แต่ต้องเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคของ ศบค. โดยให้ผู้ปกครองลงลายมือชื่อพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อเป็นหลักฐานในการจ่ายเงิน ทั้งนี้ ขอให้ทางโรงเรียนสื่อสารกับผู้ปกครองให้เข้าใจตรงกันว่า ในขณะนี้ สพฐ. ยังไม่ได้รับเงินจัดสรรจากกระทรวงการคลังมาถึงกระทรวงศึกษาธิการ จึงยังไม่มีเงินลงไปถึงโรงเรียน ซึ่งเมื่อใดที่เงินลงไปถึงโรงเรียนแล้ว ก็จะดำเนินการจ่ายเงินให้กับผู้ปกครองภายใน 3 วัน
.
“ทั้งนี้ นักเรียนและผู้ปกครองที่มีบุตรหลานกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียน สังกัด สพฐ. สามารถตรวจสอบสถานะการมีสิทธิ์ตามโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา (COVID-19) ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน ได้แล้วที่เว็บไซต์ https://student.edudev.in.th โดยจะต้องมีข้อมูลเลขประจำตัวประชาชนและเลขประจำตัวนักเรียน ที่โรงเรียนรายงานเข้ามาในระบบและยืนยันข้อมูล ณ วันที่ 25 มิ.ย. 2564 (กรณีที่มีการย้ายสถานศึกษาหลังวันที่ 25 มิ.ย. 2564 ให้ใช้เลขประจำตัวของโรงเรียนเดิมจึงจะพบสิทธิ์ และนักเรียนที่มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์หรือเกินเกณฑ์ จะยังไม่ได้รับสิทธิ์ในรอบนี้)” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ศธ. แถลงจุดยืนลดภาระทางการศึกษา ช่วยเหลือบรรเทา “ครู-นักเรียน-ผู้ปกครอง” ถ้วนหน้า

  



วันที่ 16 สิงหาคม 2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในการแถลงข่าว “จุดยืนลดภาระทางการศึกษา” เพื่อชี้แจงแนวทางในการช่วยเหลือนักเรียน ผู้ปกครอง และครู ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามมาตรการลดภาระทางการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาล โดยมีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานด้านการศึกษา อาทิ นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการณ์ เลขาธิการ กสทช. ร่วมชี้แจงมาตรการช่วยเหลือที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องโถงอาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมทั้งถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ ให้สาธารณชนได้รับทราบทั่วประเทศ

.
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ. กล่าวว่า ภายใต้ภาวะวิกฤติในปัจจุบัน กระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน รวมถึงผู้เรียนในทุกระดับชั้น ให้ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมถ้วนหน้า โดยคำนึงถึงการลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ปกครองนักเรียน รวมถึงคุณครูที่เป็นด่านหน้าในการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียน กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ออกมาตรการลดภาระทางการศึกษา เพื่อเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ทั่วประเทศ
.
มาตรการที่ 1 การจ่ายเงิน “เยียวยานักเรียน” ทุกคนทุกสังกัด คนละ 2,000 บาท โดยผู้ปกครองรับเงินเต็มจำนวน ต่อนักเรียน 1 คน โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้แก่นักเรียนนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ. ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถานศึกษานอกสังกัด ศธ. อาทิ โรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และโรงเรียนทุกสังกัดที่เปิดสอนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ซึ่งมีอยู่ราว 11 ล้านคน รวมทั้งสิ้น 22,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับภายในวันที่ 31 สิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนนี้
.
มาตรการที่ 2 อินเทอร์เน็ตฟรีสำหรับการเรียน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการสนับสนุนอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์สำหรับการเรียนออนไลน์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเป็นนักเรียนในระดับชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษา สังกัด สพฐ. รวมถึงนักเรียนนักศึกษาสังกัดอาชีวศึกษา และสังกัด กศน. ที่มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์ จำนวน 3.6 ล้านคน รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ในช่วงระหว่างวันที่ 15 สิงหาคมถึง 15 ตุลาคม 2564 (2 เดือน) โดยสนับสนุนใน 2 รูปแบบ คือ แบบที่ 1 ช่วย Top-up แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตมือถือให้เบอร์ที่นักเรียนใช้เรียนออนไลน์ ทั้งระบบเติมเงินและรายเดือน สามารถใช้งานแอปพลิเคชันเพื่อการเรียนการสอนได้แบบไม่จำกัด อาทิ Microsoft Teams, Google Meet, ZOOM, Cisco Meeting, WebEx และ Line Chat พร้อมอินเทอร์เน็ตอีก 2GB สำหรับการใช้งานอื่นๆ และแบบที่ 2 ช่วยจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตบ้าน โดยหักจากบิลค่าบริการ เดือนละ 79 บาท (ยังไม่รวม VAT) เป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งนักเรียนสามารถเลือกรับสิทธิได้อย่างใดอย่างหนึ่ง และรับได้ 1 คนต่อ 1 สิทธิ
.
มาตรการที่ 3 การลดภาระงานครูและนักเรียน โดยให้ครูลดการรายงานและโครงการต่างๆ ให้คงไว้เฉพาะที่จำเป็น ส่วนนอกเหนือจากนี้ให้ชะลอไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น รวมถึงลดการประเมินต่างๆ ทั้งที่เป็นงานของหน่วยงานภายในและภายนอก ให้เหลือ 3 โครงการ หรือ 1% จากเดิมที่มี 72 โครงการ หรือ 32% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอนของครูให้มากขึ้น ขณะที่การลดภาระนักเรียน เพื่อให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ต้องเรียนอย่างเต็มที่ ให้ครูและผู้ปกครองร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ โดยให้การบ้านเท่าที่จำเป็น เน้นหลักฐานการเรียนรู้มากกว่าการสอบ เช่น ภาระงาน การบ้าน พฤติกรรมของนักเรียน เป็นต้น รวมถึงการนับเวลาเรียนรูปแบบใหม่ ที่จะนับเวลาเมื่อนักเรียนเกิดการเรียนรู้ เช่น การเรียนออนไลน์ การทำการบ้าน หรือการออกกำลัง ซึ่งการนับเมื่อเกิดการเรียนรู้จะช่วยลดความตึงเครียด ให้ครูและนักเรียนได้จัดการเรียนรู้ในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ต้องเรียนผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว
.
“นอกจากนี้ ต้องมีการปรับเปลี่ยนการใช้งบประมาณต่างๆ โดยเฉพาะงบอุดหนุนรายหัวในบางรายการที่เดิมกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องใช้จ่ายในเรื่องนี้เท่านั้น เช่น งบหนังสือจะต้องซื้อหนังสือเท่านั้น ในส่วนนี้ต้องปรับให้มีความยืดหยุ่นเพื่อให้สถานศึกษานำไปลดภาระครูต่อไป ซึ่งการปรับงบประมาณบางรายการต้องขออนุมัติจาก ครม. โดยกระทรวงศึกษาธิการจะเร่งทำเรื่องเสนอให้ ครม. พิจารณาโดยเร็ว ส่วนงบไหนที่กระทรวงฯสามารถปรับแก้ระเบียบเองได้ จะเร่งเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พิจารณาเห็นชอบโดยเร็ว เพื่อให้ครูมีความยืดหยุ่นในการทำงาน และพัฒนาการเรียนการสอนได้โดยเร็ว” รมว.ศธ. กล่าว
.
ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้าใจถึงปัญหาและอุปสรรคในการจัดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์โควิด-19 เป็นอย่างดี ดังนั้นเพื่อให้ครูมีเวลาจัดการเรียนการสอน และมีเวลาดูแลนักเรียนได้อย่างเต็มที่ สพฐ. จึงได้วางแผนจัดทำแนวทางลดภาระครูและนักเรียน พร้อมเสนอให้ รมว.ศธ. พิจารณา ซึ่งได้รับความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ สพฐ. จะจัดทำแนวปฏิบัติเพื่อลดภาระครูและนักเรียนดังกล่าว ส่งไปยังสถานศึกษาทั่วประเทศต่อไป
.
โดยที่ผ่านมา สพฐ. ได้เข้าไปศึกษาว่าอะไรเป็นสาเหตุหรือเป็นปัจจัยที่ทำให้ครูมีภาระงานจำนวนมาก ซึ่งจากการศึกษาพบว่าหน่วยงานส่วนกลางมีโครงการต่างๆ ลงไปให้โรงเรียนปฏิบัติเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีกิจกรรมที่ต้องประเมินและรายงานอีกจำนวนไม่น้อย ดังนั้นเพื่อสร้างความผ่อนคลาย และทำให้ครูไม่เครียดกับการรายงาน หรือภาระงานอื่น ๆ และมามุ่งเน้นที่การสอนเป็นหลัก จึงได้ให้ชะลอการดำเนินกิจกรรม โครงการ หรือการประเมินต่างๆ ออกไป เพื่อให้ครูได้ทำการสอนอย่างเต็มที่ จึงขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และผู้บริหารโรงเรียน นำนโยบายดังกล่าวไปปฏิบัติตามด้วย
.
“สำหรับแนวปฏิบัติในการจัดการเรียนการสอนและการวัดประเมินผลเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นั้น จะเน้นที่การสอนวิชาหลัก ส่วนวิชาอื่นให้บูรณาการร่วมกัน ในส่วนตัวชี้วัดก็เปลี่ยนให้ครูเน้นการสอน ตัวชี้วัดต้องรู้และบูรณาการให้เข้ากับวิถีชีวิตของนักเรียน รวมถึงบทบาทของครูต้องเปลี่ยน โดยครูกับผู้ปกครองจะร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ให้นักเรียน ส่วนการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ให้เน้นหลักฐานการเรียนรู้มากกว่าการสอน คาดว่าแนวปฏิบัตินี้จะช่วยลดความเครียดให้ครู นักเรียน และผู้ปกครองได้” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
.
ทั้งนี้ ในระหว่างการแถลงข่าว ได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ่ายทอดสัญญาณผ่านระบบออนไลน์เข้ามาร่วมในพิธี โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ปกครองในภาวะวิกฤติ และส่งเสริมให้นักเรียนนักศึกษาได้รับการเรียนรู้อย่างเต็มที่ตามศักยภาพ โดยฝากให้ รมว.ศธ. เร่งมอบเงินให้ถึงมือผู้ปกครองโดยเร็ว และขอบคุณกระทรวงศึกษาธิการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมการประสานงานระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ร่วมมือร่วมใจกันทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เรียนได้อย่างแท้จริง
.
คลิกชมคลิป รมว.ศธ. ให้สัมภาษณ์ งานแถลงข่าว “จุดยืนลดภาระทางการศึกษา”
.
คลิกชมคลิป เลขาธิการ กพฐ. ให้สัมภาษณ์ งานแถลงข่าว “จุดยืนลดภาระทางการศึกษา”

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

รองเลขาธิการ กพฐ. บรรยายพิเศษ นโยบาย “ปรับบ้านเป็นห้องเรียน เปลี่ยนพ่อแม่เป็นครู”



นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานเปิดการประชุมและบรรยายพิเศษ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (Covid-19) ตามนโยบาย “ปรับบ้านเป็นห้องเรียน เปลี่ยนพ่อแม่เป็นครู” ของ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 ผ่านระบบการประชุมทางไกล จาก อาคาร สพฐ.1 ชั้น 3 ไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 โดย การประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา และการจัดการเรียนการสอนขอครู เพื่อส่งเสริมคุณภาพผู้เรียน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (Covid-19) ตามนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ภาพ /ข่าว : ว่าที่ ร.อ.ศศวรรธน์ ขรรค์ทัพไทย

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

รองเลขาธิการ กพฐ. แถลงข่าวโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา ประจําปี 2564 มหกรรมสื่อรักให้พักเหล้า ลดเสี่ยง เลี่ยงโควิด ผ่านระบบออนไลน์

 





ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธานการแถลงข่าวโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา ประจําปี 2564 มหกรรมสื่อรักให้พักเหล้า ลดเสี่ยง เลี่ยงโควิด โดยมี ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เภสัชกรสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อํานวยการสํานักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เครือข่ายงดเหล้าจากเขตพื้นที่การศึกษา และครูผู้เข้าร่วมโครงการฯ เข้าร่วม ผ่านระบบ Zoom Meeting

.

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา (รองเลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า จากการดำเนินโครงการโพธิสัตว์น้อยลูกขอพ่อแม่เลิกเหล้า โดยความร่วมมือกัน ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สํานักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนั้น ทําให้สังคมเห็น และตระหนักแล้วว่า เด็ก ๆ คือผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่ง สพฐ. ได้เล็งเห็นปัญหาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีผลเสียต่อการศึกษาไทย โดยทำให้เด็ก ๆ ที่เป็นเด็กนักเรียนขาดความพร้อมในการเรียนรู้ โดยหากมีคนในครอบครัวดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะทำให้เด็กนักเรียน หรือ ลูก ๆ ขาดความอบอุ่นจากพ่อแม่ เกิดปัญหาเศรษฐกิจ ความขัดแย้ง ความรุนแรง และปัญหาสุขภาพของคนในครอบครัวตามมา ซึ่งเป็นปัญหาที่กระทบต่อการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนทั้งสิ้น

.

ทั้งนี้ โครงการฯ สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส โดยทําให้เด็กนักเรียน หรือ ลูก ๆ ที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบ กลายมาเป็นผู้ทําให้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ลด เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งกระบวนการที่เด็กนักเรียนได้เรียนรู้จากโครงการฯ นั้น ทําให้เกิดความตระหนักในพิษภัยการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยังได้ลงมือปฏิบัติจริง ทําให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ลด เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ สามารถสร้างความอบอุ่นในครอบครัว รวมถึงสร้างความภาคภูมิใจในตนเองหรือ Self esteem ให้แก่เด็กนักเรียน ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก ๆ ในระยะยาวต่อไป

.

สพฐ. ยินดีให้ความร่วมมือกับโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ สพฐ. จะส่งเสริม สนับสนุนให้โรงเรียนในสังกัดทั่วประเทศ ร่วมขับเคลื่อนโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา “สื่อรัก ให้พักเหล้า” หยุดเสี่ยง เลี่ยงโควิด และขอเชิญชวนบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน ร่วมรณรงค์ และงดเหล้าเข้าพรรษา หรือเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตลอดไป เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม และเป็นการช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกด้วย” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว

 


วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

สพฐ. จับมือสมาคมกีฬา คาราเต้-ลอนเทนนิส ร่วมพัฒนาทักษะกีฬาในโรงเรียน

 




นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ทางด้านกีฬาเพื่อความเป็นเลิศในโรงเรียน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กับ สมาคมกีฬาคาราเต้แห่งประเทศไทย และ สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อพัฒนาทักษะกีฬาคาราเต้โด และกีฬาเทนนิสให้แก่นักเรียน ให้สามารถพัฒนาสู่ความเป็นเลิศทางด้านกีฬาได้ โดยมี พลเอกสุรชาติ จิตต์แจ้ง นายกสมาคมกีฬาคาราเต้แห่งประเทศไทย และนายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา อุปนายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงาน ร่วมลงนามและเป็นสักขีพยานในพิธี ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 กระทรวงศึกษาธิการ

นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อตอบสนองนโยบายด้านคุณภาพ ในจุดเน้นที่สาม “หนึ่งดนตรี หนึ่งกีฬา หนึ่งอาชีพ เลือกได้ตามความถนัดและความสนใจของผู้เรียน” จึงได้แสวงหาความร่วมมือและสนับสนุนให้มีการดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจ ความร่วมมือในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ทางด้านกีฬาเพื่อความเป็นเลิศในโรงเรียน กับสมาคมกีฬาคาราเต้แห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้จัดให้มีพิธีลงนามดังกล่าวขึ้น เพื่อช่วยให้นักเรียนที่มีความสนใจในกีฬาทั้ง 2 ชนิดนี้ หันมาเล่นกีฬาในเวลาว่างเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรงและพัฒนาความสามารถด้านกีฬาให้ดียิ่งขึ้น หากได้รับการสนับสนุนให้ฝึกฝนจนมีความสามารถในการแข่งขันก็จะสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่สถาบันหรือประเทศชาติได้

สพฐ. จัดอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา (พสน.) รุ่นที่ 5 จังหวัดเชียงใหม่

  เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 นางนัยนา ตันเจริญ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ สพฐ. ได้บรรยายพิเศษแก่ผู้เข้าอบรม พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพ...